วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2559
9 แข้งเลือดผู้ดี(เคย)ลุยไทยลีกยุคปัจจุบัน
Photo credit : Muangthong United,
Photo credit : Muangthong United
โรโมน โรสต์ (เมืองทอง ยูไนเต็ด)
อดีตเด็กสร้างของทัพ "ทหารเสือราชินี" ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ช่วงปี 2006-2008 ก่อนจะถูกดันขึ้นมาเล่นให้ทีมชุดใหญ่ ทว่าเจ้าตัวกลับไม่สามารถสร้างโอกาสสอดแทรกเป็นผู้เล่นตัวจริงของทีมได้ และถูกปล่อยยืมให้กับหลายสโมสรในลีกล่างของแดนผู้ดี ไม่ว่าจะเป็น วิมเบิลดัน, ฮิสตัน, นอร์ทแฮมตัน ทาวน์, เชลต์แนมทาวน์ และ ทอร์คีย์ ยูไนเต็ด ช่วงระหว่่างปี 2008-2010 ก่อนจะถูกกิเลนผยองในยุคของ เอ็นริเก้ คาลิสโต้ ดึงตัวมาร่วมทีม ในช่วงเลคที่ 2 ของฤดูกาล 2011
อย่างไรก็ตาม ศูนย์หน้าตัวความหวังรายนี้กลับทำผลงานในสีเสื้อของทีมกิเลนผยองไม่ดีเท่าที่ควร ไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองในถิ่นยามาฮ่า สเตเดี้ยม (ในขณะนั้น) ได้ พร้อมกับการถูกยกเลิกสัญญาในปีนั้นทันที
โรฮัน ริคเก็ตส์ (พีทีที ระยอง)
อดีตศูนย์หน้าจอมเก๋าของทีม "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ส ตัดสินใจย้ายมาค้าแข้งในลีกไทยครั้งแรกกับทีมพีทีที ระยอง น้องไทยศึกโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก 2014 ในขณะนั้น ช่วงวันสุดท้ายของตลาดนักเตะ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2014 หลังอกหักจากการถูกอาร์มี่ ยูไนเต็ด เมินที่จะทำการเซ็นสัญญาร่วมทีม
อย่างไรก็ดี ประสบการณ์การค้าแข้งกับลีกสูงสุดแดนผู้ดีของเจ้าตัว พร้อมกับดีกรีการติดทีมชาติอังกฤษชุดยู 18 และยู 20 ไม่ได้ทำให้เข้าตัวทำผลงานได้ดีกับทัพพลังเพลิงมากนัก ก่อนจะถูกยกเลิกสัญญาทันทีในฤดูกาล 2014 หลังฟอร์มบู่ลงสนาม 7 นัด ทำประตูไม่ได้เลย
Photo credit : TOT SC
โมฮาเหม็ด บาเซอร์ ซาเวจ (ทีโอที เอสซี)
อดีตกองหน้าร่างยักษ์ของ “ฮัลโหล” ทีโอที เอสซี ถือเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในแนวรุกของทีมมาโดยตลอด นับตั้งแต่ที่ย้ายมาค้าแข้งกับทีม ช่วงฤดูกาล 2012 โดยทีเด็ดของดาวยิงเจ้าของส่วนสูง 191 เซนติเมตรจากเมืองWandsworth ทางตะวันตกเฉียงใต้ ของกรุงลอนดอน คือการเล่นลูกกลางอากาศที่ทำได้อย่างโดดเด่น ครองบอลเหนียวแน่น รวมถึงการยิงประตูที่ไว้ใจได้ อย่างไรก็ดี เจ้าตัวกลับไม่ได้รับการต่อสัญญาออกไปหลังสิ้นสุดฤดูกาล 2015 ก่อนที่ทีมฮัลโหลจะถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขันในปี 2016 ปิดตำนานสโมสรของไทยแห่งย่านแจ้งวัฒนะ ชนิดช็อคแฟนบอลไปไม่มากก็น้อย
Photo credit : ฺBEC TERO SASANA
คริส แบรนดอน (บีอีซี เทโร ศาสน)
อดีตเด็กสร้างของ แบรดฟอร์ด ซิตี้ ย้ายมาร่วมทัพ "มังกรไฟสามเค" หรือบีอีซี เทโร ศาสน ในยุคของ ปีเตอร์ บัทเลอร์ ฤดูกาล 2011 พร้อมค่าเหนื่อยหลักแสน ซึ่งถือว่าสูงมากสำหรับไทยลีกยุคที่เริ่มกลับมาบูมอีกครั้ง ทว่าอาการบาดเจ็บของเจ้าตัวอย่างข้อเท้าร้าว ขาดการลงสนามช่วยทีมหลายเดือน ส่งผลให้อดีตดาวเตะวัย 34 ปีในขณะนั้น อยู่รับใช้บีอีซี เทโร ศาสน เพียง 1 ฤดูกาล ก่อนจะถูกขายไปให้กับ พีทีที ระยอง ในฤดูกาล 2012
Photo credit : Nakhonratchasima FC (Official) Facebook Fan Page
ลี ทัค (แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี, นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี)
นักเตะจากฮาลิแฟกซ์ เลือกเส้นทางชีวิตการค้าแข้งในแดนสยามครั้งแรกกับทีม "หมูป่าเขี้ยวตัน" (ในขณะนั้น) นครปฐม เอฟซี ในเวทีลีกพระรองของไทยอย่างศึกดิวิชั่น 1 ปี 2010 ก่อนจะพเนจรค้าแข้งให้กับอีกหลายทีมในไ่ทย ไม่ว่าจะเป็น สมุทรปราการ ศุลกากร, โดดเด่นสุดขีดกับบางกอก เอฟซี ก่อนจะโยกมาค้าแข้งในลีกสูงสุดของไทยครั้งแรก กับทีมแอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี ในปี 2014 ก่อนจะล้มเหลวในถิ่นธูปะเตมีย์อย่างสิ้นเชิง จากสถิติลงสนาม 11 นัด ทำประตูไม่ได้เลย
จนกระทั่งถูกนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ดึงตัวไปร่วมทีม ในสัญญายืมตัว ช่วงเลคที่สองของฤดูกาล 2014 และได้รับการเซ็นสัญญา 1 ปี ในฤดูกาล 2015 หลังมีส่วนสำคัญในการพาทีมเลื่อนชั้นมาเล่นไทยลีกได้สำเร็จ
ทว่าการเล่นในลีกสูงสุดของไทยกับทัพสวาทแคท เจ้าตัวก็ยังคงทำผลงานไม่ได้โดดเด่นมากนักให้กับทีม ไม่ได้รับความไว้วางใจให้เป็น 11 ผู้เล่นตัวจริงของทีมอย่างสม่ำเสมอ ก่อนจะถูกยกเลิกสัญญาหลังสิ้นสุดฤดูกาล 2015 พร้อมฝากสถิติลงสนามในลีกสูงสุดร่วมกับสวาทแคท 29 นัด ทำได้ 5 ประตู ท้ายที่สุด เจ้าตัวเลือกย้ายไปค้าแข้งกับทีมอบาฮามี่ ลิมิเต็ด ทีมยักษ์ใหญ่ของบังคลาเทศในปัจจุบัน
Photo credit : Goal.com
เจย์ ซิมป์สัน (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
ดาวยิงวัย 24 ปี ในขณะนั้น สร้างความฮือฮาในวงการลูกหนังแดนสยาม หลังบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จัดการดึงเจ้าตัวมาร่วมทีม เพื่อใช้ในการสู้ศึกฤดูกาล 2014 ด้วยสัญญา 2 ปี พร้อมรับค่าเหนื่อยหลักล้านบาท
แต่อดีตเด็กสร้างของอาร์เซน่อลรายนี้ กลับทำผลงานให้ทัพเซราะกราวได้อย่างน่าผิดหวัง เล่นไม่เข้ากับแท็คติกที่โค้ชวางไว้ อีกทั้งยังไม่สามารถปรับตัวเข้ากับเพื่อนร่วมทีมได้ แม้จะฉายแววยิง 1 ประตู ในศึกชิงถ้วยพระราชทาน ก เฉือนเมืองทอง ยูไนเต็ด 1-0 ก็ตาม ก่อนจะถูกยกเลิกสัญญาทันทีที่จบเลคแรกของฤดูกาล 2014
ปัจจุบัน เจย์ ซิมป์สัน กลับไปเริ่มต้นใหม่ในลีกบ้านเกิดอีกครั้งกับทีมระดับลีกวันอย่างเลย์ตัน โอเรียนท์ พร้อมแจ้งเกิดอีกครั้งทันที จากสถิติการลงสนามช่วยทีมไปแล้วกว่า 72 นัด และซัดไปถึง 30 ประตูเลยทีเดียว หลังจรดสัญญารว่มทีมเป็นเวลา 3 ปี ด้วยกัน (เซ็นสัญญาเดือนกรกฎาคม ปี 2014)
Photo credit : www.manager.co.th
ไมเคิ่ล เบิร์น (นครปฐม ยูไนเต็ด, ชลบุรี เอฟซี, บางกอกกล๊าส เอฟซี, ชัยนาท ฮอร์นบิล เอฟซี)
อดีตนักเตะยาวชนทีมชาติเวลส์ ถือเป็นอีกหนึ่งนักเตะต่างชาติยุคที่ลีกไทยเริ่มกลับมาบูมอีกครั้ง โดยกองกลางสมองเพชรรายนี้ ย้ายมาค้าแข้งในลีกสูงสุดแดนสยามอย่างไทยแลนด์ พรีเมียร์ลีก ปี 2009 นครปฐม เอฟซี ก่อนจะโชว์ฟอร์มหรูจนไปเข้าตาทัพ "ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซี ในยุคที่มีกุนซืออย่างเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง คุมบังเหียน ไม่รอช้าที่จะกระชากแข้งเลือดมังกรแดงไปร่วมทีมในฤดูกาล 2010
แต่ด้วยสาเหตุบางประการที่ทำทำให้เจ้าตัวเลือกไม่ไปต่อกับชลบุรี เอฟซี และทำการเซ็นสัญญาย้ายไปซบทีมคู่แข่งร่วมลีกอย่าง บางกอกกล๊าส เอฟซี ในวันที่ 28 กรกฎาคม ปี 2010 ด้วยสัญญาสองปีครึ่ง ก่อนจะย้ายซบทีมชัยนาท เอฟซี ซึ่งถือเป็นสโมสรที่ลงเล่นในลีกสูงสุดทีมสุดท้ายของเจ้าตัว และพลิกผันชีวิตการค้าแข้งอีกครั้งกับการเล่นในลีกระดับล่างของดินแดนขวานทองกับทีมอย่าง อยุธยา เอฟซี และวานานาวา หัวหิน ซิตี้ ฤดูกาล 2015 ซึ่งนับเป็นสโมสรสุดท้ายของเจ้าตัวกับการค้าแข้งในเมืองไทยตลอด 7 ปีอย่างยิ่งใหญ่
Photo credit : Muangthong United
เจย์ โบธรอยด์ (เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด)
ทีมกิเลนผยองในยุคที่มี สก็อตต์ คูเปอร์ กุนซือชาวอังกฤษ คุมบังเหียน จัดการเซ็นสัญญาคว้าตัว เจย์ โบธรอยด์ อดีตนักเตะทีมชาติอังกฤษ มาร่วมทีมด้วยสัญญา 2 ปี ในการสู้ศึกฤดูกาล 2014 ด้วยเหตุผลที่ไม่ได้มาจากชื่อเสียง แต่เป็นการเซ็นสัญญาจากการเห็นฝีเท้า ที่สามารถปรับตัวเข้ากับทีมได้ดีนั่นเอง
ทั้งนี้ อดีตดาวยิงควีนปาร์ค เรนเจอร์ส กลับเอาชื่อมาทิ้งในลีกสูงสุดของไทย หลังถูกยกเลิกสัญญาที่คาดว่ามาจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม โดดซ้อมกับเพื่อนร่วมทีม ก่อนจะย้ายไปค้าแข้งในแดนปลาดิบกับจูบิโล่ อิวาตะ ในเดือนกุมภาพาพัธ์ปี 2015 และแจ้งเกิดอีกครั้งในการพาทีมเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดแดนอาทิตย์อุทัย อย่างศึกเจลีก 2016 พร้อมพ่วงรางวัลดาวซัลโวเจทู ฤดูกาล 2015ได้อีกด้วย
Photo credit : WWW.MTUTD.TV
ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ (เมืองทอง ยูไนเต็ด)
อดีตนักเตะระดับตำนานของลิเวอร์พูล สร้างความฮือฮาระดับโลก ด้วยการย้ายเพิร์ธ กลอรี่ มาร่วมทีมเมืองทอง ยูไนเต็ด ในวันที่ 7 กรกฎาคม ปี 2011 ด้วยสัญญา 1 ปี พร้อมค่าตัวสูงกว่า 20 ล้านบาท ภายใต้สีเสื้อของทัพกิเลนผยอง เจ้าตัวลงสนามช่วยทีมไปทั้งสิ้น 21 นัด ทำได้ 4 ประตู แอสซิสต์ช่วยเพื่อนทำประตูไป 4 ครั้ง
นอกจากนี้ ดาวเตะเจ้าของฉายา "เดอะ ก็อด" ยังได้รับโอกาสการลิ้มลองในฐานะกุนซือและนักเตะไปพร้อมๆกัน ภายหลังกิเลนผยองทำการปลด เอ็นริเก้ คาลิสโต ออกจากตำแหน่ง เป็นจำนวนทั้งสิ้น 15 นัด พกสถิติพาทีมชนะ 7 นัด เสมอ 4 นัด และแพ้ 4 นัด ก่อนจะย้ายออกจากถิ่นยามาฮ่า สเตเดี้ยม (ในขณะนั้น) ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของปี 2012 ด้วยความยินยอมของทั้งเจ้าตัวเองและบอร์ดบริหาร
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น