Photo credit : http://www.act.ac.th/, Muangthong United Facebook Fanpage, Buriram United Facebook Fanpage, SMM Sport, สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย
“แหล่งที่รื่นรมย์สุขสมถ้วนหน้า เราเทิดบูชารักษาไว้มั่น
ดำรงคงอยู่คู่เกียรติสถาบัน ว่านามเรานั้นอัสสัมชัญธนบุรี”
เพลงมาร์ชประจำโรงเรียนมัธยมชื่อดังย่านบางแค
ที่มีบริเวณกว้างขวาง แลดูสวยงาม
ถึงขนาดกับเป็นโลเคชั่นหลักของซีรีย์วัยรุ่นชื่อดังมาแล้วถึง 3 ซีซั่น
แต่สิ่งที่เป็นเรื่องเชิดหน้าชูตาของโรงเรียนแห่งนี้อย่างแท้จริง ไม่ใช่เรื่องนี้
แต่คือการเป็นมหาอำนาจลูกหนังขาสั้นมากว่าทศวรรษ
“เจ้าสัวน้อย”
อัสสัมชัญธนบุรี
จุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่ของพวกเขานั้น
เริ่มจากนักธุรกิจเสื้อผ้า ที่เข้ามาดูแล
บริหารจัดการทีมฟุตบอลของโรงเรียนแห่งนี้มายาวนานกว่ากว่าทศวรรษอย่าง “เสี่ยโต”
ณรงค์วิทย์
อุ่นแสงจันทร์
ที่เปรียบได้ดั่งพ่อคนที่สองของเหล่าเจ้าหนูนักเตะที่เขาและบรรดาสตาฟฟ์โค้ชอย่าง
มาสเตอร์ธร สรภูมิ , มาสเตอร์สาธิต วิโรจนะ เฟ้นหามากว่า 15 ปี ทำให้อัสสัมชัญธนบุรีประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด
ทั้งในรายการโค้กคัพ ไพรมินิสเตอร์ คัพ หรือฟุตบอลกรมพลศึกษา
ซึ่งพวกเขามักจะกวาดถ้วยรางวัลมาครองในทุกๆรุ่นอยู่เสมอ
เรียกได้ว่าเป็นเจ้าพ่อบอลโรงเรียนอย่างแท้จริง
อีกทั้งการสนับสนุนอย่างดีเยี่ยมในด้านต่างๆ ทั้งความเป็นอยู่ อุปกรณ์การฝึกซ้อม รวมถึงสนามที่ดีมีมาตรฐาน ทำให้เหล่านักเตะจากอัสสัมชัญธนบุรี
ก้าวไปสู่วงการฟุตบอลอาชีพของไทยหลายต่อหลายคน โดยเสี่ยโตเองนั้น
เจ้าตัวเคยกล่าวไว้ว่า มีนักบอลจากรั้วแดง-ขาวแห่งนี้ ก้าวขึ้นไปสู่เวทีไทยลีกกว่า
100 คนเลยทีเดียว และนี่คือ 10
คนจากจำนวนมากมายที่เรียกได้ว่าเป็นยอดนักเตะไทยในยุคปัจจุบัน
กีรติ เขียวสมบัติ
ดาวยิงจอมพเนจรวัย 29 ปีของปตท. ระยอง อดีตแข้งทหารบก, ทีโอที ,บุรีรัมย์ ,วัวชน ,ชลบุรี เป็นอีกหนึ่งแข้งที่มาจากอัสสัมชัญธนบุรี ซึ่งคนส่วนมากไม่ค่อยทราบนักในช่วงแรก เพราะหัวหอกสำคัญที่เป็นที่จดจำได้ในยุคนั้นจะเป็นมุ้ย ธีรศิลป์ เสียมากกว่า โดยเจ้าป๊อบถือเป็นอีกหนึ่งขาประจำในทีมชาติไทยอีกหนึ่งคนเช่นกัน แม้ในช่วงหลังจะถูกคลื่นลูกใหม่เบียดลงไปบ้าง แต่เชื่อว่าลูกกลางอากาศ ความเก๋า ความแข็งแรงของ “กีรติอุส” ยึงคงข่มขวัญแนวรับหลายต่อหลายทีมได้อย่างแน่นอน
ธีรศิลป์ แดงดา
ศูนย์หน้าอันดับหนึ่งของเมืองไทย
, อดีตดาวรุ่งพรสวรรค์สูง , อดีตดาวซัลโวไทยลีก , อดีตเคยเซ็นต์สัญญากับแมนเชสเตอร์
ซิตี้ และเป็นนักเตะไทยคนแรกที่ทำประตูได้บนแผ่นดินสเปน แน่นอนเขาคือ มุ้ย
ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าของเอสซีจี เมืองทองฯ จ่าฝูงไทยพรีเมียร์ลีกในปัจจุบัน
ซึ่งสรรพคุณของเขานั้น ไม่ต้องบรรยายให้มากความ
โดยเขาถือเป็นศูนย์หน้าที่ครบเครื่องที่สุดคนหนึ่งในวงการฟุตบอลไทยจากอดีตถึงปัจจุบัน
ในสมัยเป็นตัวโรงเรียนนั้น ฝีเท้าของเขาได้รับการยอมรับว่าเหนือกว่าเพื่อนร่วมทีมอย่างมากทีเดียว
ประกิต ดีพร้อม
โดยเขาผู้นี้ถือเป็นกองกลางร่วมรุ่นของธีรศิลป์
ในสมัยเรียนอยู่ที่อัสสัมชัญธนบุรี
โดยทั้งเขาและเจ้ามุ้ยได้ช่วยกันกวาดแชมป์ให้แก่อัสสัมชัญธนบุรีมากมาย
ทั้งไพรมินิสเตอร์ คัพ ฟุตบอลกรมพลศึกษา และโดยเฉพาะไนกี้ พรีเมียร์ คัพ
ที่ไปได้ที่ 5 ในการแข่งขันที่สหรัฐอเมริกา
โดยปัจจุบันมิดฟิลด์เชิงสูงผู้นี้ได้ย้ายมาอยู่กับ ชลบุรี เอฟซีในสัญญายืมตัว
และทำผลงานได้ดีไม่น้อย
ศักรินทร์ จันทร์โยธา
ปิดท้ายกันที่อดีตดาวรุ่งผู้เป็นความหวังของวงการฟุตบอลไทยเรา ศูนย์หน้าดาวรุ่งผู้ไปฝึกปรือเพลงแข้งกับเอฟเวอร์ตัน สโมสรชั้นนำของอังกฤษ แต่อนิจจา ชีวิตนอกสนามและอาการบาดเจ็บ ทำให้อาชีพและชีวิตของ โก้ ศักรินทร์ จันทร์โยธา เป็นเส้นขนานกับฟุตบอลอยู่ตลอดเวลา แม้ปัจจุบันเขาจะยังค้าแข้งอยู่กับ เมืองกาญจน์ เอฟซี ในศึกดิวิชั่น 2 แต่ก็หาได้เป็นคนเดิมตอนยังผนึกกำลังกับธีรศิลป์ แดงดา ยังอัสสัมธนไม่ โดยหลายต่อหลายคนเชื่อว่า เขาจะก้าวขึ้นไปเป็นยอดนักเตะได้ไม่ยาก หากชีวิตนอกสนามของเขาไม่พังเช่นนี้ ซึ่งนอกจากจะเป็นนักฟุตบอลแล้ว “รูนี่ย์เมืองไทย” ยังเปิดบาร์ชื่อ sit นี่ เป็นธุรกิจส่วนตัวอีกด้วย
กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์
สำหรับผู้รักษาประตูมือ
1 ของทีมชาติไทยคนนี้ เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับดาวเตะชื่อดังอย่างธีราทร บุญมาทัน
และประวีณวัช บุญยงค์ ถือว่าเป็นยุคทองของอัสสัมชัญธนบุรีอีกยุคทีเดียว (2005-2008)
โดย
ตอง กวินทร์ ถือเป็นนักเตะที่ร่วมหัวจมท้ายกับ “กิเลนผยอง”
เอสซีจี
เมืองทองฯ มาตั้งแต่ยังเริ่มเตะในดิวิชั่น 2 จนมาเป็นยักษ์ใหญ่แห่งวงการฟุตบอลไทยในปัจจุบัน
ธีราทร บุญมาทัน
คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณกันให้มากความสำหรับเจ้าของค่าตัวสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทย (ราว 50 ล้านบาท) สำหรับการย้ายจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มายัง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ดของเขาผู้นี้ โดยกัปตันทีมชาติไทยคนปัจจุบันนั้นเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับนักเตะหลายๆคนอย่าง กวินทร์ ประวีณวัช และอีกหลายๆคน ซึ่งบรรดาเหล่าขุนพลจากอัสสัมชัญธนบุรีนี่แหละ ที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุผลของการย้ายซบ “กิเลนผยอง” จนกลายเป็นดีลครั้งประวัติศาสตร์ ที่ทำให้โลกโซเชียลในคืนวันที่เขาย้ายทีมนั้น ลุกเป็นไฟเลยทีเดียว
ประวีณวัช บุญยงค์
จากเซนเตอร์ฮาล์ฟร่างท้วม สู่การเป็นกองหลังตัวจริงของบางกอกกล๊าสเอฟซี และนักเตะทีมชาติไทยโดยผลงานเด่นของเขาหลังออกมาจากรั้วแดง-ขาวนั้น คือการทำไปทั้งสิ้น 4 ประตู ในการแข่งขันฟุตบอลชายซีเกมส์ครั้งที่ 27 ที่ประเทศเมียนม่าร์ เป็นดาวยิงสูงสุดอย่างหน้าตาเฉยทั้งที่เล่นในตำแหน่งกองหลัง โดยลูกจุดโทษก็ถือเป็นอีกหนึ่งอาวุธลับของ “อ้วน บีจี” ของแฟนๆทีมบางกอกกล๊าสเช่นกัน
สารัช อยู่เย็น
มิดฟิลด์ร่างเล็กผู้นี้ ถือเป็นดาวโรจน์แห่งอัสสัมชัญธนบุรีอีกหนึ่งคน ซึ่งเจ้าตังค์ ถือเป็นมิดฟิลด์ตามแบบฉบับฮาร์ดแมนอีกหนึ่งคน ที่หาไม่ได้ง่ายๆในเมืองไทย รวมถึงจุดเด่นเรื่องการหาพื้นที่ การทำประตูจากแถวสอง โดยเขาได้มีส่วนร่วมกับทีมชาติไทยในชุดแชมป์ซีเกมส์ และอาเซียน คัพในครั้งล่าสุดทั้ง 2 ชุด และได้รับเกียรติเป็นกัปตันทีมชุดซีเกมส์อีกด้วย ถึงตอนนี้เขายังเป็นกำลังหลักของ เอสซีจี เมืองทองฯ มากว่า 2 ปีแล้ว หลังจากได้ออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับทั้งภูเก็ต เอฟซี และนครราชสีมา มาสด้า เอฟซีมาก่อนหน้านี้
นฤบดินทร์ วีรวัฒนโนดม
แบ็คขวาหน้าหยกจากบุรีรัมย์
ยูไนเต็ดรายนี้ ที่ไม่ได้มีดีแค่หน้าตาอันหล่อเหลา และน้องสาวคนสวยเท่านั้น
แต่เขานั้นถือว่าเป็นอีกหนึ่งลูกหม้อของทีมเจ้าสัวน้อย ที่เล่นทั้งทีมโรงเรียน
และทีมชาติมาทุกระดับ ก่อนจะโด่งดังสุดขีดหลังได้แชมป์ซูซูกิ คัพ กับทีมชาติไทยในปี
2014 และได้ย้ายจากทีม บีอีซี เทโรศาสน ไปซบอกบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในปี 2015 ที่ผ่านมา
สุพรรณ ทองสงค์
นี่น่าจะเป็นนักเตะเลือดแดง-ขาวรายล่าสุดที่ถูกเรียกติดทีมชาติ
โดยเจ้าตัวยังไม่เชื่อตอนแม่โทรมาบอกด้วยซ้ำ
ว่าเขามีชื่อติดทีมชาติชุดชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพครั้งที่ 44 ที่จะถึงนี้
ถือว่าเป็นเรื่องตลกสำหรับ “เจ้าเชน” ลูกหม้อของเจ้าสัวน้อย
ที่ผ่านการเล่นให้ทีมอัสสัมชัญ ยูไนเต็ดมาแล้วด้วย โดยเขาถูกดันขึ้นชุดใหญ่ของเมืองทองในปีที่แล้ว
ก่อนจะโชว์ฟอร์มดี หน่วยก้านดี ทักษะอันยอดเยี่ยม
ทำให้เขาก้าวขึ้นมาติดทีมชาติไทยในยุคของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมืองในที่สุด
ซึ่งถือว่าเป็นการก้าวหน้าก่อนเพื่อนร่วมรุ่นหลายๆคนที่โลดแล่นอยู่ในไทยลีกปัจจุบันอย่าง
ปฏิวัฒ คำไหม , องอาจ ภมรประเสริฐ ,อภิศร ภูมิชาติไปแล้ว
ซึ่งนอกเหนือจากพวกเขาเหล่านี้แล้ว
ยังมีอีกหลายต่อหลายคนที่โลดแล่นอยู่ในลีกต่างๆทั่วทุกภูมิภาคและทุกลีกของบ้านเรา อย่าง อาทิตย์ ดาวสว่าง กองหลังดีกรีเหรียญทองฟุตบอลซีเกมส์ครั้งล่าสุด ที่สิงคโปร์ รวมถึงกษิดิ์เดช
เวทยาวงศ์ , เสกสิทธิ์ ศรีใส , ปฏิภาณ ปิ่นเสริมสูตรศรี จากเอสซีจี
เมืองทอง ยูไนเต็ด,นฤพล อารมณ์สวะ มิดฟิลด์ชลบุรี เอฟซี,กรพรหม
จรูญพงศ์ มิดฟิลด์จากอุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด, เกรียงศักดิ์
ชุมพรผ่อง , วันใหม่ เศรษฐนันท์, สุริยา กุพะลัง ทริโอจาก “พลังเอ็ม”โอสถสภา เอ็ม-150
สมุทรปราการ , ปฏิวัต คำไหม, กิตติศักดิ์ โฮชิน , ชุติพนธ์
นบนอบ , อนุศักดิ์ เหล่าแสงไทย แก๊งค์จากพัทยา ยูไนเต็ด , อภิศร
ภูมิชาติ จากบีบีซียู , องอาจและอำนาจ ภมรประเสริฐ พี่น้องจากบางกอกกล๊าสเอฟซี , อรรถพล อุทการ
มิดฟิลด์จากม.รังสิต , ก้องภพ ลวดทรง จากปตท. ระยอง เป็นต้น
และเมื่อนักเตะจากรั้วแดง-ขาวแห่งนี้
มีคุณภาพที่ทัดเทียมกับนักเตะอาชีพในประเทศไทยแล้ว
ทำให้เวทีลูกหนังขาสั้นมันคับแคบไปเสียแล้วสำหรับเหล่าแข้งยังบลัด ในปี 2012 หลังจากทีม
รร.อัสสัมชัญธนบุรี ได้แชมป์ถ้วยพระราชทานประเภท ข.
และได้สิทธิ์ในการเล่นเอไอเอสลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2
ทางโรงเรียนได้ตัดสินใจส่งทีมเข้าแข่งขันในปีนั้นในชื่อ อัสสัมชัญธนบุรี เอฟซี
โดยแกนหลักของทีมคือทีมชุด 18 ปีของทางโรงเรียน แม้ผลงานก็ไม่สู้ดีนัก แต่ก็ยังประคองตัวอยู่ในลีกดิวิชั่น
2 ได้จนถึงปัจจุบัน และได้ทำการเปลี่ยนชื่อสโมสรเป็น “กิเลนเจ้าสัว”
อัสสัมชัญ
ยูไนเต็ด ส่วนรังเหย้าของพวกเขานั้นคือสนามโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรีนั่นเอง
นำทัพโดย สุรเดช กลั่นขำ , มุนเช่ อุลริช, ธีรวุฒิ
วงศ์ตัน , ณัฐพสุตต์ มะลิซ้อน โดย ณ ขณะนี้พวกเขาอยู่ในอันดับ 3
ของตารางคะแนนโซนกรุงเทพและปริมณฑล หลังจากผ่านมา 8 นัดในฤดูกาล 2016 นี้ (ข้อมูลวันที่ 28 พฤษภาคม 2016)
สำหรับศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก
12 ทีมสุดท้ายที่จะถึงนี้ เชื่อเหลือเกินว่า เหล่าแข้งจากรั้วเจ้าสัวน้อย จะเป็นกำลังหลักของทีมในการลุ้นชิงตั๋วไปฟุตบอลโลก
ที่เป็นความฝันของคอบอลไทยทั่วทั้งประเทศ
และนี่คือเรื่องราวของมหาอำนาจลูกหนังขาสั้นของไทย “เจ้าสัวน้อย”
รร.อัสสัมชัญธนบุรี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น