Asean Football Addict
วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2559
The Competitor : 3 คีย์แมนจอร์แดนลุ้นดับไทยคว้าชัยคิงส์คัพครั้งที่ 44
Photo credit : FA Thailand, www.Fifa.com, www.
หลังจากที่ขุนพลทีมชาติจอร์แดน ลงสนามในศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 44 ด้วยการไล่อัดสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี ไปแบบไม่ยากเย็นนัก 3-1 ส่งผลให้พวกเขามีสิทธิ์ลุ้นคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยพระราชทานคิงส์คัพเป็นครั้งแรก อย่างไรก็ดี เส้นทางการเดินหน้าคว้าแชมป์ของพวกเขาจำเป็นจะต้องฝ่าด่านชาติเจ้าภาพอย่าง "ทัพช้างศึก" ทีมชาติไทย ให้ได้เสียก่อน
จากผลการแข่งขันที่เอาชนะยูเออี 3-1 บ่งบอกให้เห็นอย่างชัดเจนถึงการมีเกมรุกที่มีประสิทธิภาพอย่างเหลือล้น ทักษะความสามารถเฉพาะตัว ความแข็งแกร่งของร่างกาย จุดเด่นของนักเตะจอร์แดน ที่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว กอปรกับสภาพอากาศระหว่างประเทศไทยและจอร์แดน ที่ดูแล้วไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ส่งผลให้ทีมชาติจอร์แดน ถือเป็นคู่แข่งที่ไทยควรทำการบ้านรับมือให้ดี มิเช่นนั้น อาจน้ำตาตกชวดคว้าแชมป์คิงส์คัพ สมัยที่ 12 ก็เป็นได้
และนี่คือ 3 คีย์แมนคนสำคัญของทัพจอร์แดนในการแข่งขันคิงส์คัพครั้งนี้ ที่เราหยิบมาให้ผู้อ่านทุกท่านทราบถึงอาวุธเด็ดและพิษสงของแต่ละรายกันได้ที่นี่
ฮัมเซห์ อัล-ดัรดูร (ศูนย์หน้า)
ดาวยิงจากอัล คูเวต สปอร์ตคลับวัย 25 ปี อีกหนึ่งแข้งกำลังหลักในแนวรุกของทีมชาติจอร์แดนยุคปัจจุบัน ชนิดที่ทีมจะขาดไปไม่ได้ เห็นได้ชัดจากผลงานการทำ 8 ประตู จากการลงสนาม 8 นัด ในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย กับอีก 1 ประตูในเกมคิงส์คัพ นัดอัดยูเออี 3-1 ซึ่งจุดเด่นที่สำคัญของศูนย์หน้าหมายเลย 20 คือ ความแข็งแกร่งของร่างกาย ที่มาพร้อมกับความสามารถเฉพาะตัวอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นในพื้นที่แคบได้ดี สลับกับความเร็วเฉพาะตัวชนิดที่พาบอลสปีดหนีคู่แข่งในการลุ้นเข้าไปทำประตูได้อยู่หลายครั้ง ทั้งหมดนี้ เป็นสิ่งที่ผู้เล่นแนวรับของไทยควรระมัดระวังให้ดี เพราะถ้าปล่อยให้เจ้าตัวได้โชว์ทักษะการเล่น อาจมีลุ้นถึงการเสียประตูได้ไม่มากก็น้อย
Photo credit : www.
บาฮา อับดุลรอฮ์มาน (กองกลาง)
มิดฟิลด์ตัวกลางวัย 28 ปี ที่พกดีกรีการติดทีมชาติมาแล้วกว่า 85 นัด เป็นอีกหนึ่งนักเตะคู่บุญของทีมชาติจอร์แดนมาโดยตลอด นับตั้งแต่ที่ถูกเรียกติดทีมชุดใหญ่เมื่อปี 2007 ขณะที่มีอายุเพียง 20 ปี โดยบทบาทสำคัญของมิดฟิลด์วัย 29 ปี ในนามทีมชาติคือการคุมจังหวะเกม คอยเชื่อมเกมรุกและรับให้มีประสิทธิภาพ อีกทั้งการจ่ายบอลทั้งระยะใกล้และไกลที่แม่นยำ พร้อมกับการสร้างโอกาสจากลูกยิงไกลชนิดที่ได้ลุ้นอยู่เสมอ ถือเป็นจุดแข็งของเจ้าตัว
แม้ 1 ประตูที่ดาวเตะหมายเลข 4 ทำได้ในเกมอัดยูเออี 3-1 จะมาจากลูกการยิงลูกโทษที่จุดโทษ ทว่าประสบการณ์การเป็นแข้งอาวุโสในนามทีมชาติ บวกกับจุดแข็งที่กล่าวไปข้างต้น นับเป็นสิ่งที่บรรดาผู้เล่นทัพช้างศึกไม่ควรประมาทฝีเท้าของเจ้าตัวเป็นอย่างยิ่ง
Photo credit :
ยาซีน บากีต (ปีกซ้าย)
การหาพื้นที่ของตนเองในการพาบอลกดดันคู่ต่อสู้ ครองบอลไว้กับตัวอย่างเหนียวแน่น เสียบอลยาก หรือแม้แต่การครอสบอลเข้ากลางชนิดที่แม่นยำอยู่บ่อยครั้งในฐานะผู้เล่นริมเส้น คือจุดเด่นของปีกซ้ายหมายเลข 13 ของทีมอย่าง ยาซียน บากีต ดาวเตะสารพัดประโยชน์ในแนวรุก ที่เจ้าตัวมักใช้โจมตีคู่แข่ง เห็นได้ชัดจาก 2 ใน 3 ประตูที่จอร์แดนทำได้ในเกมอัดยูเออี 3-1 เกิดขึ้นจากการสร้างสรรค์เกมบุกของเจ้าตัว
เป็นไปได้ว่าปีกซ้ายวัย 27 ปี อาจสร้างความปั่นป่วนให้กับแนวรับของทีมชาติไทยเหมือนกับที่การทำใส่ยูเออี หากทัพช้างศึกไม่ทำการบ้านโดยเฉพาะเรื่องเกมรับของทีมให้ดี เหมือนดั่งที่พลาดเสียประตูง่ายๆจากการถูกซีเรียไล่ตามตีเสมอ 2-2
แต่ทั้งหมดทั้งมวลจะเป็นอย่างไรนั้น ผลงานในสนาม 90 นาที หรือแม้แต่การดวลลูกโทษที่จุดโทษตัดสินหาผู้ชนะ ภายในสนามราชมังคลากีฬาสถานช่วง 20.00 น. ของวันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2016 จะเป็นผู้ให้คำตอบ !!!
วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2559
วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2559
รอบรั้วเวทีลูกหนังขาสั้น : สุภาพบุรุษอัสสัมธน
Photo credit : http://www.act.ac.th/, Muangthong United Facebook Fanpage, Buriram United Facebook Fanpage, SMM Sport, สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย
“แหล่งที่รื่นรมย์สุขสมถ้วนหน้า เราเทิดบูชารักษาไว้มั่น
ดำรงคงอยู่คู่เกียรติสถาบัน ว่านามเรานั้นอัสสัมชัญธนบุรี”
เพลงมาร์ชประจำโรงเรียนมัธยมชื่อดังย่านบางแค
ที่มีบริเวณกว้างขวาง แลดูสวยงาม
ถึงขนาดกับเป็นโลเคชั่นหลักของซีรีย์วัยรุ่นชื่อดังมาแล้วถึง 3 ซีซั่น
แต่สิ่งที่เป็นเรื่องเชิดหน้าชูตาของโรงเรียนแห่งนี้อย่างแท้จริง ไม่ใช่เรื่องนี้
แต่คือการเป็นมหาอำนาจลูกหนังขาสั้นมากว่าทศวรรษ
“เจ้าสัวน้อย”
อัสสัมชัญธนบุรี
จุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่ของพวกเขานั้น
เริ่มจากนักธุรกิจเสื้อผ้า ที่เข้ามาดูแล
บริหารจัดการทีมฟุตบอลของโรงเรียนแห่งนี้มายาวนานกว่ากว่าทศวรรษอย่าง “เสี่ยโต”
ณรงค์วิทย์
อุ่นแสงจันทร์
ที่เปรียบได้ดั่งพ่อคนที่สองของเหล่าเจ้าหนูนักเตะที่เขาและบรรดาสตาฟฟ์โค้ชอย่าง
มาสเตอร์ธร สรภูมิ , มาสเตอร์สาธิต วิโรจนะ เฟ้นหามากว่า 15 ปี ทำให้อัสสัมชัญธนบุรีประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด
ทั้งในรายการโค้กคัพ ไพรมินิสเตอร์ คัพ หรือฟุตบอลกรมพลศึกษา
ซึ่งพวกเขามักจะกวาดถ้วยรางวัลมาครองในทุกๆรุ่นอยู่เสมอ
เรียกได้ว่าเป็นเจ้าพ่อบอลโรงเรียนอย่างแท้จริง
อีกทั้งการสนับสนุนอย่างดีเยี่ยมในด้านต่างๆ ทั้งความเป็นอยู่ อุปกรณ์การฝึกซ้อม รวมถึงสนามที่ดีมีมาตรฐาน ทำให้เหล่านักเตะจากอัสสัมชัญธนบุรี
ก้าวไปสู่วงการฟุตบอลอาชีพของไทยหลายต่อหลายคน โดยเสี่ยโตเองนั้น
เจ้าตัวเคยกล่าวไว้ว่า มีนักบอลจากรั้วแดง-ขาวแห่งนี้ ก้าวขึ้นไปสู่เวทีไทยลีกกว่า
100 คนเลยทีเดียว และนี่คือ 10
คนจากจำนวนมากมายที่เรียกได้ว่าเป็นยอดนักเตะไทยในยุคปัจจุบัน
กีรติ เขียวสมบัติ
ดาวยิงจอมพเนจรวัย 29 ปีของปตท. ระยอง อดีตแข้งทหารบก, ทีโอที ,บุรีรัมย์ ,วัวชน ,ชลบุรี เป็นอีกหนึ่งแข้งที่มาจากอัสสัมชัญธนบุรี ซึ่งคนส่วนมากไม่ค่อยทราบนักในช่วงแรก เพราะหัวหอกสำคัญที่เป็นที่จดจำได้ในยุคนั้นจะเป็นมุ้ย ธีรศิลป์ เสียมากกว่า โดยเจ้าป๊อบถือเป็นอีกหนึ่งขาประจำในทีมชาติไทยอีกหนึ่งคนเช่นกัน แม้ในช่วงหลังจะถูกคลื่นลูกใหม่เบียดลงไปบ้าง แต่เชื่อว่าลูกกลางอากาศ ความเก๋า ความแข็งแรงของ “กีรติอุส” ยึงคงข่มขวัญแนวรับหลายต่อหลายทีมได้อย่างแน่นอน
ธีรศิลป์ แดงดา
ศูนย์หน้าอันดับหนึ่งของเมืองไทย
, อดีตดาวรุ่งพรสวรรค์สูง , อดีตดาวซัลโวไทยลีก , อดีตเคยเซ็นต์สัญญากับแมนเชสเตอร์
ซิตี้ และเป็นนักเตะไทยคนแรกที่ทำประตูได้บนแผ่นดินสเปน แน่นอนเขาคือ มุ้ย
ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าของเอสซีจี เมืองทองฯ จ่าฝูงไทยพรีเมียร์ลีกในปัจจุบัน
ซึ่งสรรพคุณของเขานั้น ไม่ต้องบรรยายให้มากความ
โดยเขาถือเป็นศูนย์หน้าที่ครบเครื่องที่สุดคนหนึ่งในวงการฟุตบอลไทยจากอดีตถึงปัจจุบัน
ในสมัยเป็นตัวโรงเรียนนั้น ฝีเท้าของเขาได้รับการยอมรับว่าเหนือกว่าเพื่อนร่วมทีมอย่างมากทีเดียว
ประกิต ดีพร้อม
โดยเขาผู้นี้ถือเป็นกองกลางร่วมรุ่นของธีรศิลป์
ในสมัยเรียนอยู่ที่อัสสัมชัญธนบุรี
โดยทั้งเขาและเจ้ามุ้ยได้ช่วยกันกวาดแชมป์ให้แก่อัสสัมชัญธนบุรีมากมาย
ทั้งไพรมินิสเตอร์ คัพ ฟุตบอลกรมพลศึกษา และโดยเฉพาะไนกี้ พรีเมียร์ คัพ
ที่ไปได้ที่ 5 ในการแข่งขันที่สหรัฐอเมริกา
โดยปัจจุบันมิดฟิลด์เชิงสูงผู้นี้ได้ย้ายมาอยู่กับ ชลบุรี เอฟซีในสัญญายืมตัว
และทำผลงานได้ดีไม่น้อย
ศักรินทร์ จันทร์โยธา
ปิดท้ายกันที่อดีตดาวรุ่งผู้เป็นความหวังของวงการฟุตบอลไทยเรา ศูนย์หน้าดาวรุ่งผู้ไปฝึกปรือเพลงแข้งกับเอฟเวอร์ตัน สโมสรชั้นนำของอังกฤษ แต่อนิจจา ชีวิตนอกสนามและอาการบาดเจ็บ ทำให้อาชีพและชีวิตของ โก้ ศักรินทร์ จันทร์โยธา เป็นเส้นขนานกับฟุตบอลอยู่ตลอดเวลา แม้ปัจจุบันเขาจะยังค้าแข้งอยู่กับ เมืองกาญจน์ เอฟซี ในศึกดิวิชั่น 2 แต่ก็หาได้เป็นคนเดิมตอนยังผนึกกำลังกับธีรศิลป์ แดงดา ยังอัสสัมธนไม่ โดยหลายต่อหลายคนเชื่อว่า เขาจะก้าวขึ้นไปเป็นยอดนักเตะได้ไม่ยาก หากชีวิตนอกสนามของเขาไม่พังเช่นนี้ ซึ่งนอกจากจะเป็นนักฟุตบอลแล้ว “รูนี่ย์เมืองไทย” ยังเปิดบาร์ชื่อ sit นี่ เป็นธุรกิจส่วนตัวอีกด้วย
กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์
สำหรับผู้รักษาประตูมือ
1 ของทีมชาติไทยคนนี้ เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับดาวเตะชื่อดังอย่างธีราทร บุญมาทัน
และประวีณวัช บุญยงค์ ถือว่าเป็นยุคทองของอัสสัมชัญธนบุรีอีกยุคทีเดียว (2005-2008)
โดย
ตอง กวินทร์ ถือเป็นนักเตะที่ร่วมหัวจมท้ายกับ “กิเลนผยอง”
เอสซีจี
เมืองทองฯ มาตั้งแต่ยังเริ่มเตะในดิวิชั่น 2 จนมาเป็นยักษ์ใหญ่แห่งวงการฟุตบอลไทยในปัจจุบัน
ธีราทร บุญมาทัน
คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณกันให้มากความสำหรับเจ้าของค่าตัวสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทย (ราว 50 ล้านบาท) สำหรับการย้ายจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มายัง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ดของเขาผู้นี้ โดยกัปตันทีมชาติไทยคนปัจจุบันนั้นเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับนักเตะหลายๆคนอย่าง กวินทร์ ประวีณวัช และอีกหลายๆคน ซึ่งบรรดาเหล่าขุนพลจากอัสสัมชัญธนบุรีนี่แหละ ที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุผลของการย้ายซบ “กิเลนผยอง” จนกลายเป็นดีลครั้งประวัติศาสตร์ ที่ทำให้โลกโซเชียลในคืนวันที่เขาย้ายทีมนั้น ลุกเป็นไฟเลยทีเดียว
ประวีณวัช บุญยงค์
จากเซนเตอร์ฮาล์ฟร่างท้วม สู่การเป็นกองหลังตัวจริงของบางกอกกล๊าสเอฟซี และนักเตะทีมชาติไทยโดยผลงานเด่นของเขาหลังออกมาจากรั้วแดง-ขาวนั้น คือการทำไปทั้งสิ้น 4 ประตู ในการแข่งขันฟุตบอลชายซีเกมส์ครั้งที่ 27 ที่ประเทศเมียนม่าร์ เป็นดาวยิงสูงสุดอย่างหน้าตาเฉยทั้งที่เล่นในตำแหน่งกองหลัง โดยลูกจุดโทษก็ถือเป็นอีกหนึ่งอาวุธลับของ “อ้วน บีจี” ของแฟนๆทีมบางกอกกล๊าสเช่นกัน
สารัช อยู่เย็น
มิดฟิลด์ร่างเล็กผู้นี้ ถือเป็นดาวโรจน์แห่งอัสสัมชัญธนบุรีอีกหนึ่งคน ซึ่งเจ้าตังค์ ถือเป็นมิดฟิลด์ตามแบบฉบับฮาร์ดแมนอีกหนึ่งคน ที่หาไม่ได้ง่ายๆในเมืองไทย รวมถึงจุดเด่นเรื่องการหาพื้นที่ การทำประตูจากแถวสอง โดยเขาได้มีส่วนร่วมกับทีมชาติไทยในชุดแชมป์ซีเกมส์ และอาเซียน คัพในครั้งล่าสุดทั้ง 2 ชุด และได้รับเกียรติเป็นกัปตันทีมชุดซีเกมส์อีกด้วย ถึงตอนนี้เขายังเป็นกำลังหลักของ เอสซีจี เมืองทองฯ มากว่า 2 ปีแล้ว หลังจากได้ออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับทั้งภูเก็ต เอฟซี และนครราชสีมา มาสด้า เอฟซีมาก่อนหน้านี้
นฤบดินทร์ วีรวัฒนโนดม
แบ็คขวาหน้าหยกจากบุรีรัมย์
ยูไนเต็ดรายนี้ ที่ไม่ได้มีดีแค่หน้าตาอันหล่อเหลา และน้องสาวคนสวยเท่านั้น
แต่เขานั้นถือว่าเป็นอีกหนึ่งลูกหม้อของทีมเจ้าสัวน้อย ที่เล่นทั้งทีมโรงเรียน
และทีมชาติมาทุกระดับ ก่อนจะโด่งดังสุดขีดหลังได้แชมป์ซูซูกิ คัพ กับทีมชาติไทยในปี
2014 และได้ย้ายจากทีม บีอีซี เทโรศาสน ไปซบอกบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในปี 2015 ที่ผ่านมา
สุพรรณ ทองสงค์
นี่น่าจะเป็นนักเตะเลือดแดง-ขาวรายล่าสุดที่ถูกเรียกติดทีมชาติ
โดยเจ้าตัวยังไม่เชื่อตอนแม่โทรมาบอกด้วยซ้ำ
ว่าเขามีชื่อติดทีมชาติชุดชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพครั้งที่ 44 ที่จะถึงนี้
ถือว่าเป็นเรื่องตลกสำหรับ “เจ้าเชน” ลูกหม้อของเจ้าสัวน้อย
ที่ผ่านการเล่นให้ทีมอัสสัมชัญ ยูไนเต็ดมาแล้วด้วย โดยเขาถูกดันขึ้นชุดใหญ่ของเมืองทองในปีที่แล้ว
ก่อนจะโชว์ฟอร์มดี หน่วยก้านดี ทักษะอันยอดเยี่ยม
ทำให้เขาก้าวขึ้นมาติดทีมชาติไทยในยุคของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมืองในที่สุด
ซึ่งถือว่าเป็นการก้าวหน้าก่อนเพื่อนร่วมรุ่นหลายๆคนที่โลดแล่นอยู่ในไทยลีกปัจจุบันอย่าง
ปฏิวัฒ คำไหม , องอาจ ภมรประเสริฐ ,อภิศร ภูมิชาติไปแล้ว
ซึ่งนอกเหนือจากพวกเขาเหล่านี้แล้ว
ยังมีอีกหลายต่อหลายคนที่โลดแล่นอยู่ในลีกต่างๆทั่วทุกภูมิภาคและทุกลีกของบ้านเรา อย่าง อาทิตย์ ดาวสว่าง กองหลังดีกรีเหรียญทองฟุตบอลซีเกมส์ครั้งล่าสุด ที่สิงคโปร์ รวมถึงกษิดิ์เดช
เวทยาวงศ์ , เสกสิทธิ์ ศรีใส , ปฏิภาณ ปิ่นเสริมสูตรศรี จากเอสซีจี
เมืองทอง ยูไนเต็ด,นฤพล อารมณ์สวะ มิดฟิลด์ชลบุรี เอฟซี,กรพรหม
จรูญพงศ์ มิดฟิลด์จากอุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด, เกรียงศักดิ์
ชุมพรผ่อง , วันใหม่ เศรษฐนันท์, สุริยา กุพะลัง ทริโอจาก “พลังเอ็ม”โอสถสภา เอ็ม-150
สมุทรปราการ , ปฏิวัต คำไหม, กิตติศักดิ์ โฮชิน , ชุติพนธ์
นบนอบ , อนุศักดิ์ เหล่าแสงไทย แก๊งค์จากพัทยา ยูไนเต็ด , อภิศร
ภูมิชาติ จากบีบีซียู , องอาจและอำนาจ ภมรประเสริฐ พี่น้องจากบางกอกกล๊าสเอฟซี , อรรถพล อุทการ
มิดฟิลด์จากม.รังสิต , ก้องภพ ลวดทรง จากปตท. ระยอง เป็นต้น
และเมื่อนักเตะจากรั้วแดง-ขาวแห่งนี้
มีคุณภาพที่ทัดเทียมกับนักเตะอาชีพในประเทศไทยแล้ว
ทำให้เวทีลูกหนังขาสั้นมันคับแคบไปเสียแล้วสำหรับเหล่าแข้งยังบลัด ในปี 2012 หลังจากทีม
รร.อัสสัมชัญธนบุรี ได้แชมป์ถ้วยพระราชทานประเภท ข.
และได้สิทธิ์ในการเล่นเอไอเอสลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2
ทางโรงเรียนได้ตัดสินใจส่งทีมเข้าแข่งขันในปีนั้นในชื่อ อัสสัมชัญธนบุรี เอฟซี
โดยแกนหลักของทีมคือทีมชุด 18 ปีของทางโรงเรียน แม้ผลงานก็ไม่สู้ดีนัก แต่ก็ยังประคองตัวอยู่ในลีกดิวิชั่น
2 ได้จนถึงปัจจุบัน และได้ทำการเปลี่ยนชื่อสโมสรเป็น “กิเลนเจ้าสัว”
อัสสัมชัญ
ยูไนเต็ด ส่วนรังเหย้าของพวกเขานั้นคือสนามโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรีนั่นเอง
นำทัพโดย สุรเดช กลั่นขำ , มุนเช่ อุลริช, ธีรวุฒิ
วงศ์ตัน , ณัฐพสุตต์ มะลิซ้อน โดย ณ ขณะนี้พวกเขาอยู่ในอันดับ 3
ของตารางคะแนนโซนกรุงเทพและปริมณฑล หลังจากผ่านมา 8 นัดในฤดูกาล 2016 นี้ (ข้อมูลวันที่ 28 พฤษภาคม 2016)
สำหรับศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก
12 ทีมสุดท้ายที่จะถึงนี้ เชื่อเหลือเกินว่า เหล่าแข้งจากรั้วเจ้าสัวน้อย จะเป็นกำลังหลักของทีมในการลุ้นชิงตั๋วไปฟุตบอลโลก
ที่เป็นความฝันของคอบอลไทยทั่วทั้งประเทศ
และนี่คือเรื่องราวของมหาอำนาจลูกหนังขาสั้นของไทย “เจ้าสัวน้อย”
รร.อัสสัมชัญธนบุรี
วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2559
10 เรื่องที่คุณควรทราบ เกี่ยวกับมาร์ค บริดจ์ (ว่าที่)หอกใหม่ทัพกว่างโซ้งมหาภัย
Photo credit : www.zimbio.com, Chiangrai United FC
หลังจากที่สื่อหลายสำนักตีข่าวว่า "กว่างโซ้งมหาภัย" เชียงราย ยูไนเต็ด ยื่นข้อเสนอพร้อมจำนวนเงินกว่า 2 ล้านเหรียญดอลล่าร์ออสเตรเลีย หรือกว่า 51 ล้านบาทไทย เพื่อคว้าตัว มาร์ค บริดจ์ ดาวเตะชาวออสเตรเลียมาร่วมทีม
พบกับ 10 เรื่องราวที่คุณควรทราบเกี่ยวกับมาร์ค บริดจ์ นักเตะผู้ทำประตูสูงสุดในประวัติศาสตร์ให้กับทีมเวสเทิร์น ซิดนีย์ วอนเดอร์เรอร์ส ด้วยจำนวน 32 ประตู ในขณะนี้ ที่กำลังจะเป็น(ว่าที่)หอกใหม่ทัพกว่างโซ้งมหาภัย จากเราได้เลย
1. เจ้าตัวเกิดเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 1985 ที่ซิดนีย์ มลรัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย ปัจจุบันอายุ 30 ปี
2. เล่นได้ทุกตำแหน่งในแนวรุก ไม่ว่าจะเป็นกองหน้าตัวเป้า กองหน้าตัวต่ำ มิดฟิลด์ตัวรุก ปีกซ้าย และปีกขวา แต่ตำแหน่งหลักที่เจ้าตัวถนัดที่สุดคือ ปีกซ้าย (เล่นเท้าซ้าย)
3. เริ่มต้นการเล่นฟุตบอลระดับเยาวชนกับทีม Parramatta Eagles ทีมที่เคยปลุกปั้น เอริค ปาทาลู อดีตนักเตะเมืองทอง ยูไนเต็ด และนาธาน เบิร์น แข้งเอฟซี โตเกียวในปัจจุบันมาแล้ว ก่อนจะเข้าสู่วงการลูกหนังระดับอาชีพครั้งแรกกับทีม Parramatta Power ในศึกแนชั่นแนล ลีก ออสเตรเลีย ช่วงระหว่างปี 2003-2004
4. ก้าวขึ้นมาเล่นในศึกเอลีก ออสเตรเลียครั้งแรก ขณะที่มีอายุได้เพียง 20 ปีกับทีมนิวคาสเซิ่ล เจตส์ ในปี 2005
5. ฝากผลงานตลอด 3 ฤดูกาลในช่วงระหว่างปี 2005 ถึงวันที่ 1 มีนาคม 2008 ที่ลงเล่นให้กับนิวคาสเซิ่ล เจตส์ ด้วยการพาทีมคว้าแชมป์เอลีก 1 สมัย (2007-2008) และคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาล 2006-2007 จากผลงานลงสนามรวมทุกรายการไป 56 นัด ทำได้ 18 ประตู
6. โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูกาล 2007-2008 ที่คว้าแชมป์เอลีกร่วมกับทีม เจ้าตัวเป็นคนซัดประตูชัยในรอบแกรนด์ ไฟนอล เหนือเซนทรัล โคสต์ มาริเนอร์ส 1-0 ในนาทีที่ 64
ทำประตูชัยพาทีมชนะเซนทรัล โคสต์ มาริเนอร์ส 1-0
7. หลังหมดสัญญากับนิวคาสเซิ่ล เจตส์ เจ้าตัวเลือกย้ายไปทีมซิดนีย์ เอฟซี คู่ปรับร่วมลีก ช่วงเดือนมีนาคม ปี 2008 ก่อนจะอยู่ร่วมกับทีมชุดคว้าแชมป์เอลีกฤดูกาล 2009-2010 พร้อมอยู่รับใช้ต้นสังกัดนานถึง 4 ฤดูกาล (2008-2009, 2009-2010, 2010-2011, 2011-2012) โดยมีสถิติการลงสนามทั้งสิ้น 88 นัด ทำไป 19 ประตู รวมทุกรายการ
8. วันที่ 11 กุมภาพันธ์ ปี 2009 ย้ายไปค้าแข้งต่างแดนครั้งแรกกับเทียนจิน ไท่ต๋า ด้วยสัญญาระยะสั้น 4 เดือน และล้มเหลวในการพาทีมตกรอบแบ่งกลุ่มศึกเอซีแอล 2009 ก่อนจะหมดสัญญาและกลับซิดนีย์ช่วงเดือนพฤษภาคม
9. ถูกซิดนีย์ เอฟซียกเลิกสัญญาเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ปี 2012 และเลือกย้ายซบทีมบ้านเกิดอย่างเวสเทิร์น ซิดนีย์ วอนเดอร์เรอร์ส ในเดือนกรกฎาคม ปี 2012 ก่อนจะประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ ACL ปี 2014 ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร พร้อมเกียรติยศส่วนตัวกับรางวัลGoden Boot และรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล 2012-2013 รวมถึงติดทีม เอลีก ออลสตาร์ในปี 2013 อีกด้วย
คว้าแชมป์เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีกร่วมกับทีม ในปี 2014
10. เคยมีชื่อติดทีมชาติออสเตรเลียชุด ยู-21, ยู-23 รวมถึงทีมชาติชุดใหญ่มาแล้ว
เช็คโปรแกรมทีมชาติอาเซียนลงเตะตามปฏิทินฟีฟ่าเดย์ (30 พฤษภาคม - 7 มิถุนายน 2016)
ทีมชาติกัมพูชา
29/05/2016 19.00 น. อุ่นเครื่อง พบ ติมอร์-เลสเต (เหย้า)
02/06/2016 18.00 น. AFC Asian Cup 2019 เพลย์ออฟ รอบสุดท้าย นัดแรก พบ ไต้หวัน (เยือน)
07/06/2016 18.30 น. AFC Asian Cup 2019 เพลย์ออฟ รอบสุดท้าย นัดสอง พบ ไต้หวัน (เหย้า)
หมายเหตุ : แข่งขันกันตามเวลาท้องถิ่นของประเทศกัมพูชา
ทีมชาติลาว
29/05/2016 18.30 น. อุ่นเครื่อง พบ เนปาล (เหย้า)
02/06/2016 18.30 น. AFC Asian Cup 2019 เพลย์ออฟ รอบสุดท้าย นัดแรก พบ อินเดีย (เหย้า)
07/06/2016 20.30 น. AFC Asian Cup 2019 เพลย์ออฟ รอบสุดท้าย นัดสอง พบ อินเดีย (เยือน)
หมายเหตุ : แข่งขันกันตามเวลาท้องถิ่นของประเทศลาว
ทีมชาติไทย
03/06/2016 20.00 น. คิงส์คัพ ครั้งที่ 44 พบ ซีเรีย (เหย้า)
05/06/2016 17.00 น. คิงส์คัพ ครั้งที่ 44 กรณีชิงอันดับ 3
05/06/2016 20.00 น. คิงส์คัพ ครั้งที่ 44 กรณีชิงชนะเลิศ
หมายเหตุ : ฟุตบอลรายการ คิงส์คัพ ครั้งที่ 44 มีทีมเข้าแข่งขันทั้งสิ้น 4 ทีม คือ ไทย(เจ้าภาพ), ซีเรีย, จอร์แดน และสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ (ยูเออี)
ทีมชาติเมียนมา
28/05/2016 18.00 น. อุ่นเครื่อง พบ มาเลเซีย (เหย้า)
03/06/2016 18.00 น. AYA Bank Cup 2016 พบ สิงคโปร์ (เหย้า)
06/06/2016 15.00 น. AYA Bank Cup 2016 กรณีชิงอันดับ 3
06/06/2016 18.00 น. AYA Bank Cup 2016 กรณีชิงชนะเลิศ
หมายเหตุ : ฟุตบอลรายการ AYA Bank Cup 2016 มีทีมเข้าแข่งขันทั้งสิ้น 4 ทีม คือ เมียนมา(เจ้าภาพ), สิงคโปร์, เวียดนาม และฮ่องกง
: แข่งขันตามเวลาท้องถิ่นในประเทศเมียนมา
ทีมชาติเวียดนาม
30/05/2016 18.00 น. อุ่นเครื่อง พบ ซีเรีย (เหย้า)
03/06/2016 15.00 น. AYA Bank Cup 2016 พบ ฮ่องกง
06/06/2016 15.00 น. AYA Bank Cup 2016 กรณีชิงอันดับ 3
06/06/2016 18.00 น. AYA Bank Cup 2016 กรณีชิงชนะเลิศ
หมายเหตุ : ฟุตบอลรายการ AYA Bank Cup 2016 ยึดเวลาการแข่งขันตามเวลาท้องถิ่นของประเทศเมียนมา
ทีมชาติมาเลเซีย
28/05/2016 18.00 น. อุ่นเครื่อง พบ เมียนมา (เยือน)
02/06/2016 19.45 น. AFC Asian Cup 2019 เพลย์ออฟ รอบสุดท้าย นัดแรก พบ ติมอร์ เลสเต (เหย้า)
หมายเหตุ : เกมอุ่นเครื่องกับเมียนมา ยึดเวลาการแข่งขันท้องถิ่นของประเทศเมียนมา
ทีมชาติอินโดนีเซีย
ไม่มีโปรแกรมการแข่งขัน
ทีมชาติสิงคโปร์
03/06/2016 18.00 น. AYA Bank Cup 2016 พบ สิงคโปร์ (เหย้า)
06/06/2016 15.00 น. AYA Bank Cup 2016 กรณีชิงอันดับ 3
06/06/2016 18.00 น. AYA Bank Cup 2016 กรณีชิงชนะเลิศ
หมายเหตุ : ฟุตบอลรายการ AYA Bank Cup 2016 ยึดเวลาการแข่งขันตามเวลาท้องถิ่นในประเทศเมียนมา
ทีมชาติฟิลิปปินส์
ไม่มีโปรแกรมการแข่งขัน
ทีมชาติติมอร์ เลสเต
29/05/2016 19.00 น. อุ่นเครื่อง พบ กัมพูชา (เยือน)
02/06/2016 19.45 น. AFC Asian Cup 2019 เพลย์ออฟ รอบสุดท้าย นัดแรก พบ มาเลเซีย (เยือน)
หมายเหตุ : เกมอุ่นเครื่องกับกัมพูชา ยึดเวลาการแข่งขันตามเวลาท้องถิ่นของประเทศกัมพูชา
วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2559
10 เรื่องราวที่คุณควรทราบ เกี่ยวกับอัฟชิน ก็อตบี ว่าที่กุนซือคนใหม่ปราสาทสายฟ้า
1. เจ้าตัวเกิดเมื่อวันที่ 8
กุมภาพันธ์ ปี 1964 ที่กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน ปัจจุบันอายุ 52 ปี
2. ออกจากประเทศอิหร่านเมื่ออายุ 13 ปี
ในปี 1977 ย้ายไป ลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา หลังจากบิดามีภรรยาใหม่ในดินแดนลุงแซม โดยอยู่เป็นเวลากว่า 2 ทศวรรษ
และได้รับวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า จากยูนิเวอร์ซิตี้
ออฟ แคลิฟอเนียร์มาแล้ว
3. เริ่มต้นชีวิตการเป็นโค้ชครั้งแรก ตั้งแต่อายุ 20 ปีเศษๆกับทีมเยาวชน
เซาท์ แคลิฟอเนียร์ โดยเจ้าตัวเป็นผู้ปลุกปั้นอดีต 2
ดาวเตะทีมชาติสหรัฐอเมริกาอย่าง ปีเตอร์ วาจีนาส และจอห์น โอไบรอัน
ในช่วงทศวรรษของปี 80
4. ผ่านประสบการณ์การเป็นผู้ช่วยโค้ชในระดับทีมชาติมามากกว่า
4 ทีม ทั้งในระดับทีมชาติและสโมสร คือ สหรัฐอเมริกา ปี 1997-1998, เกาหลีใต้ ปี
2000-2002 และในเดือนตุลาคม2005-เดือนกรกฎาคม 2006, ซูวอน บลูวิงส์ ปี 2002-2004 และ
ลอสแองเจลิส กาแล็คซี่ ปี 2004-2005
5. ประสบความสำเร็จสูงสุดในนามทีมชาติ เมื่อครั้งเป็นมือขวาของกุส
ฮิดดิ้ง ในนามทีมชาติเกาหลีใต้ ชุดสร้างประวัติศาสตร์คว้าอันดับ 4 ในศึกเวิลด์คัพ
2002
6. ขณะที่ผลงานการเป็นมือขวาในระดับสโมสร
เจ้าตัวประสบความสำเร็จกับทั้งซูวอน บลูวิงส์ จากการคว้าแชมป์เคลีกในปี 2004
และคว้าแชมป์ เอ็มแอลเอส คัพ กับยอดทีมจากมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ในปี 2005
7. ในปี 2007
ก้าวขึ้นมาคุมทีมอย่างเต็มตัวเป็นครั้งแรก กับสโมสรยักษ์ใหญ่ในลีกบ้านเกิดอย่าง
เปอร์เซโปลิส
พร้อมสร้างผลงานคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอิหร่านทันทีเพียงปีแรกที่มาคุมทีม ในฤดูกาล
2007-2008
8. ก้าวสู่การเป็นกุนซือทีมชาติครั้งแรกกับประเทศบ้านเกิดตนเองอย่างอิหร่าน
แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าใดนัก
จากผลงานไม่สามารถผ่านเข้าสู่ศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 2010 รอบสุดท้าย และตกรอบ 8
ทีมสุดท้าย ศึกเอเชียน คัพ 2011 ช่วงปี 2009-2011
. 9. โยกมาคุมสโมสรในโซนอเชียตะวันออกเป็นครั้งแรกกับทีม
ชิมิสุ เอสพัสต์ ในศึกเจลีกปี 2011 แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จมากเท่าที่ควร
จากผลงานคุมทีม 4 ฤดูกาล พาต้นสังกัดจบในอันดับ 10 ในปี 2011, อันดับ 9 ในปี 2012, อันดับ 9 ปี 2013 และอันดับ 12 ปี 2014
อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวเคยพาชิมิสุ เอสพัสต์ เข้าชิงฟุตบอลถ้วยกับคาชิมา แอนท์เลอร์ส
มาแล้วในปี 2012 ทว่ากลับพลาดท่าพ่ายในช่วงต่อเวลาพิเศษไป 1-2
10. เคยได้รับการคัดเลือกจาก Football Iran News & Events และ Iran Football Federation Award ในฐานะกุนซือยอดเยี่ยมแห่งปี ประจำฤดูกาล
2007-2008
เรื่องเก่าเล่าใหม่ : ส่องนักเตะการไฟฟ้าชุดแชมป์ไทยลีก2008ในยุคปัจจุบัน
Photo credit : Use As Is PEA HARDCORE / Thailandsusu
หลังรูดม่านการแข่งขันศึกไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2551 ไปด้วยความสุขสมหวังของชาวฟุตบอลชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่มีต่อทีมการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จากผลงานการสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ฟุตบอลลีกสูงสุดของไทยเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ จากผลงานการลงงสนาม 30 นัด ชนะ 18 นัด เสมอ 7 นัด แพ้ 5 นัด ยิงได้ 38 ประตู เสีย 15 ประตู เก็บได้ 61 คะแนน เฉือนทัพฉลามชล ในฐานะทีมแชมป์เก่าไปเพียง 2 คะแนน ภายใต้การคุมทีมของ น้าเหม่ง ประพล พงษ์พานิช กุนซือสมองเพชรผู้ล่วงลับ
แม้ในปัจจุบัน สโมสรการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะแปรเปลี่ยนกลายมาเป็นยอดสโมสรลูกหนังแดนสยามอย่างทีม "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และประสบความสำเร็จกับวงการฟุตบอลไทยยุคปัจจุบันจนเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง อย่างไรก็ตาม การคว้าแชมป์ไทยลีกภายใต้ชื่อทีมการไฟฟ้ายุคก่อน คืออีกหนึ่งจุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่ของยอดทีมจากอีสานใต้อยู่ไม่มากก็น้อย
กาลเวลาล่วงเลยมาเกือบ 8 ปี นักเตะชุดสร้างประวัติศาสตร์ดังกล่าวแต่ละคนทำหน้าที่อะไรกันอยู่ หลายคนยังคงค้าแข้งอยู่ใช่หรือไม่ ? ใครบ้างที่ตัดสินใจแขวนสตั๊ดไปแล้ว ติดตามได้จากสกู้ปชิ้นนี้
หมายเลข 1 อัมรินทร์ เยาวดำ - เกษตรศาสตร์ เอฟซี
หมายเลข 2 นิพนธ์ พันธ์พร้อม - ลำปาง เอฟซี
หมายเลข 3 ปฏิภาณ เพ็ชรพูล - ไม่พบข้อมูล
หมายเลข 4 ภานุพงษ์ วงศ์ษา - แบงค็อก ยูไนเต็ด
หมายเลข 5 โชคทวี พรหมรัตน์ - กุนซือทีมอุดรธานี เอฟซี
หมายเลข 6 วัชระ มหาวงศ์ - ไทยฮอนด้า ลาดกระบัง
หมายเลข 7 รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค - สุพรรณบุรี เอฟซี
หมายเลข 8 กฤษณะ วงษ์บุตรดี - ไม่พบข้อมูล
หมายเลข 9 พิพัฒน์ ต้นกันยา - อุดรธานี เอฟซี
หมายเลข 10 ณรงค์ชัย วชิรบาล - ชัยนาท ฮอร์นบิล เอฟซี
หมายเลข 11 อภิเชษฐ์ พุฒตาล - บีอีซี เทโร ศาสน
หมายเลข 12 หัตฐพร สุวรรณ - แขวนสตั๊ด
หมายเลข 13 นันทเวช จันทร์อุทัย - ไม่พบข้อมูล (ชื่อปัจจุบัน วรเวช จันทร์อุทัย)
หมายเลข 14 รณชัย รังสิโย - แบงค็อก ยูไนเต็ด
หมายเลข 15 อองรี โจเอล - เชียงใหม่ เอฟซี
หมายเลข 17 ยุทธจักร์ ก้อนจันทร์ - เชียงราย ยูไนเต็ด
หมายเลข 18 รัตตพล ปิยวุฒิสกุล - เชียงราย ยูไนเต็ด (ชื่อปัจจุบัน ณัทธภณ วรทญานันทน์)
หมายเลข 19 วิคเตอร์ เมนซ่า - หนองบัว พิญ เอฟซี
หมายเลข 21 อนุชา ไชยวงศ์ - อยุธยา เอฟซี
หมายเลข 22 ภาณุวัฒน์ ตั้งอนุรัตน์ - พัทยา ยูไนเต็ด (ชื่อปัจจุบัน ภัทร ปิยภทร์กิติ )
หมายเลข 23 ศุภกิจ จินะใจ - แขวนสตั๊ด
หมายเลข 24 จักรพงษ์ ใหญ่โต - ประจวบ เอฟซี
หมายเลข 25 พลวุฒิ ดอนจุ้ย - บางกอก เอฟซี (ปัจจุบันนามสกุล ขวาเสนา)
หมายเลข 27 เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว - นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี
หมายเลข 28 วิศณุศักดิ์ แก้วเรือง - เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด
Photo credit : โย่แว่น@กว่างพาน / Thailandsusu
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)